Skip to content

ด้วยในปัจจุบันสื่อมัลติมีเดียนั้นได้เข้ามามีบทบาทในสังคมค่อนข้างสูงจึงมีผู้สนใจที่จะเข้ามาศึกษาให้ได้ความรู้เพื่อต้องการนำไปพัฒนาศักยภาพของตนเองในการทำงาน สื่อมัลติมีเดียนั้นมีมากมายแพร่หลายมากในสังคม ไม่ว่าจะมาในรูปแบบสื่อการเรียนการสอน การทำงาน และการอบรมรวมถึงการนำเสนองานในรูปแบบต่างๆ ทำให้หลายคนอาจจะหาที่ศึกษาด้านมัลติมีเดียโดยตรงวันนี้เราจึงจะมาแนะนำแหล่งการศึกษาที่ดีที่สุดในกรุงเทพมหานคร นั่นก็คือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

หลักสูตรมัลติมีเดียในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี หรือชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่ามีเดียอาตส์ หลักสูตรนี้จะเป็นหลักสูตรที่จะเน้นให้ผู้เรียนนำความรู้ที่ได้มาพัฒนาความรู้เกี่ยวกับด้านสื่อมัลติมีเดียที่ใช้กับอุตสาหกรรม ซึ่งหลักสูตรนี้แบ่งเป็นวิชาเอกได้ดังนี้

  • Graphic Design หรือการออกแบบกราฟิก เป็นวิชาเอกที่จะเน้นไปในการการออกแบบกราฟฟิกเทคโนโลยี เน้นวางแผนพร้อมทั้งวิธีการแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
  • Animation & Visual Effect หรือแอนิเมชัน และวิชวลเอฟเฟกต์ เป็นวิชาเอกที่เน้นการสร้างรูปแบบการนำเสนอเป็นแอนิเมชั่น ซึ่งสามารถทำได้ทั้ง 2 มิติและ 3มิติ
  • Movie Design หรือการออกแบบภาพยนตร์ เป็นวิชาเอกที่เน้นในส่วนของการสร้างหนัง หรือสื่อที่ถูกนำเสนอผ่านการโทรทัศน์ ซึ่งในหลักสูตรนี้คนที่จะเข้าไปเรียนจะได้มีโอกาสได้เรียนด้านการเขียนบท และสตอรี่บอร์ดอีกด้วย

เรียนจบไปแล้วทำงานอะไรได้บ้าง?

                ด้วยหลักสูตรมีเดียอาตส์ นั้นจะสอนครอบคลุมทุกอย่างที่เกี่ยวกับมัลติมีเดีย นักศึกษาที่ได้เรียนในสาขานี้จึงสามารถนำความรู้ที่ได้นำมาประยุกต์หรือเอาไปใช้ในการทำงานได้เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านโปรแกรม ทำโฆษณา เจ้าหน้าที่IT หรือตำแหน่งที่เกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งตอนใหญ่ตำแหน่งพวกนี้นั้นเป็นที่ต้องการของตลาดงานมาก เพราะสื่อมัลติมีเดียมีบทบาทในองค์กรแต่ละที่ค่อนข้างมากทำให้แต่ละองค์กรต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะด้านมาเพื่อพัฒนาองค์กรให้มีความทันสมัยมากขึ้นGraphic Design หรือการออกแบบกราฟิก เป็นวิชาเอกที่จะเน้นไปในการการออกแบ

งานที่เกี่ยวกับหลักสูตรที่ได้เรียนมานั้นมีค่อนข้างเยอะยกเว้นแต่ว่าเรานั้นจะชอบงานทางไหน โดยงานที่สามารถนำความรู้ไปใช้ในตำแหน่งงานได้มี ดังนี้

  • นักโปรแกรมเมอร์ หรือนักเขียนโปรแกรมที่มีความสามารถในการพัฒนา แก้ไขปัญหาปรับปรุงระบบในองค์กร
  • ผู้ออกแบบ วิเคราะห์ระบบคอมพิวเตอร์ ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ สามารถให้การให้ข้อมูลเกี่ยวกับระบบต่างๆ ของคอมพิวเตอร์
  • ผู้ประสานงานในโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ งานประสานงานเกี่ยวกับระบบทั้งภายใน และภายนอกองค์กร
  • ช่างภาพกราฟฟิก
  • เจ้าหน้าที่ IT ที่มีความสามารถในการแก้ไขหากระบบคอมพิวเตอร์มีปัญหา
  • ตัดต่อวีดีโอ เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ให้ด้านการทำหนังตัดต่อออกมาเพื่อให้องค์กรพอใจ

benefit

ความหมายของมัลติมีเดียนั้น หมายถึงกลุ่มข้อมูลที่มี 5 ปัจจัยหลักในการนำแสดง ได้แก่ ตัวหนังสือ ภาพ เสียง วีดีโอ และ ภาพเคลื่อนไหว ซึ่งในปัจจุบันนี้เราใช้มันในชีวิตประจำวันอย่างกว้างขวาง ผ่านทางโทรศัพท์ ทีวี คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อีเล็คโทรนิคส์ต่าง ๆ มีการแสดงครบทั้ง 5 ปัจจัยหลักที่กล่าวมาข้างต้น

โดยทั้ง 5 ปัจจัยหลัก มีความหมายด้วยกันดังนี้

  1. ตัวหนังสือ (Text) หมายถึง ตัวหนังสือแสดงผ่านทางหน้าจอ หรือ กระดาษต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นตัวสื่อสารข้อมูลหลัก ให้ผู้ใช้ได้อ่านทำความเข้าใจ โดยเป็นส่วนประกอบสำคัญทางสื่อมัลติมีเดีย ซึ่งจะขาดไม่ได้สำหรับเว็บไซต์ต่าง ๆต้องการนำเสนอที่เป็นตัวหนังสือโดยเฉพาะ เพื่อใช้ร่วมกันกับ 4 ปัจจัยส่วนที่เหลือก็คือ ภาพ เสียง วีดีโอ และ อนิเมชั่น
    2. ภาพ (Image) เป็นภาพชนิดหนึ่ง หมายถึงภาพถ่าย หรือ รูปกรอบ หรือ ปุ่ม ที่ใช้ในการตอบสนองกับผู้ใช้ในโปรแกรมมัลติมีเดีย โดยมีการใช้งานในเว็บไซต์ โปรแกรม และสื่ออื่น ๆ ผ่านนามสกุลที่ใช้มากที่สุดได้แก่ JPEG PNG โดยสองนามสกุลนี้ถูกใช้เป็นหลักในงานมัลติมีเดียที่สุด เพื่อช่วยให้ผู้พัฒนาสามารถสร้างสื่อที่มีขนาดเล็ก ในขณะที่รูปภาพยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์
    3. เสียง (Audio) เสียง เป็นสิ่งมีบทบาทสำคัญในทุก ๆ ระบบมัลติมีเดีย เพื่อช่วยให้การสื่อสารข้อมูลได้เข้าใจอย่างง่ายดายโดยเราสามารถพบเจอและเปิดใช้งานมันผ่านไฟล์จดนามสกุลมาดังนี้ ได้แก่ MP3, WMA, Wave, MIDi Real Audio โดยในปัจจุบันยังคงมีการพัฒนาให้ไฟล์มีขนาดเล็กลง แต่ยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อใช้ลดเวลาในการโหลดข้อมูลผ่านหน้าเว็บไซต์
    4. วีดีโอ (Video) สื่อภาพเคลื่อนไหว เราสามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามโปรแกรมมัลติมีเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนเว็บไซต์ มีการถ่ายถอดสัญญาณภาพและเสียง ภาพไฟล์ข้อมูลมีการจดบันทึกนามสกุล Flash , MPEG, AVI, WMV, Quick Time โดยในปกติแล้ว โปรแกรมบราวเซอร์ต่าง ๆ สามารถรองรับการแสดงผลไฟล์ วีดีโอได้อยู่แล้ว แต่หากมีบางชนิดที่จำเป็นต้องลงแอพพลิเคชั่นเสริมเพื่อให้แสดงผลได้เต็มประสิทธิภาพ
    5. ภาพเคลื่อนไหว (Animation) คือการแสดงของชุดภาพหลาย ๆ ภาพมาต่อกันจนเห็นเป็นการเคลื่อนไหวได้นั่นเอง ถูกใช้เป็นหลักในการสร้างเอฟเฟคให้แก่สื่อดิจิตัล เพื่อเพิ่มลูกเล่น และความสวยงามให้น่าดึงดูดใจแก่ผู้ใช้งาน โดยเราจะสามารถพบเห็นมันได้ผ่านนามสกุล FLV , SWF เป็นสนามสกุลเฉพาะสามารถใช้งานได้ต่อเมื่อมีการติดตั้ง Adobe Flash

การนำแสดงข้อมูลนั้น มีอยู่หลายประเภท และชนิด เพื่อแยกตามเป้าหมายของที่จะสื่อถือมา โดยในปัจจุบันนี้มีรูปแบบการนำเสนอที่ได้รับความนิยมอยู่ตามนี้ ได้แก่

  1. การจัดทำเว็บไซต์นำเสนอผ่าน World Wide Web (WWW)
    2. การนำเสนอผ่านโปรแกรมสำเร็จรูปอย่าง Power Point , Excel , Word
    3. การนำเสนอจากการจัดทำวีดีโอผ่านเคลื่อนไหว เพื่อใช้ในการแสดงข้อมูล
    4. การนำเสนอผ่านสื่อดิจิตอล หรือ หนังสือ

ท้ายที่สุดแล้วการจะนำเสนอข้อมูลออกมาได้ดีเพียงใดขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้เขียนว่าจะมีวิธีสื่อสาร หรือไอเดียในการทำมัลติมีเดียได้ดีขนาดไหน

มัลติมีเดีย หรือ เทคโนโลยีมัลติมีเดีย มีความสำคัญต่อการเรียนและการสอนเป็นอย่างมากโดยในยุคปัจจุบันแล้วเรื่องการทีระบบออนไลน์เข้ามามากขึ้น หรือที่เรียกว่าระบบเครือข่าย เพราะการที่เรานำเทคโนโลยีมัลติมีเดียเข้ามาใช้ ซึ่งแสดงผลออกมาได้อย่างหน้าพอใจ และผู้เรียนสามารถโต้ตอบกับระบบได้ ระบบมีความสามารถเก็บข้อมูล หรือสถิติของผู้เรียนได้อย่างดีเช่นกัน ประโยชน์ที่ได้รับจากระบบมัลติมีเดีย

  1. เทคโนโลยีมัลติมีเดีย ช่วยให้การออกแบบบทเรียนในสื่อต่างๆ และยังส่งผลสัมฤทธิ์ การเรียนในฝ่ายวิจัยอีกด้วย
  2. มัลติมีเดียแบบแผ่นซีดี สามารถพกพาง่าย จัดเก็บง่าย และทำสำเนาได้หลายฉบับ
  3. สื่อมัลติมีเดียยังช่วยส่งเสริมในเรื่องการจำลองเหตุการณ์ หรือสถานที่ต่างๆเพื่อให้ผู้เรียนนั้นได้ศักยภาพความต้องการ และความสะดวกของตนเอง
  4. ทุกวันนี้เราสามารถสร้างสื่อมัลติมีเดียใช้เองได้ และยังประยุกต์ใช้ในการทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ +
  5. สื่อมัลติมีเดีย เป็นตัวแทนของคุณครูหลายๆคนที่ไม่จำเป็นจะต้องเรียนในห้องเรียน สามารถเรียนได้ทุกสถานที่
  6. สามารถเรียนรู้ได้ไม่จำกัดอายุ ไม่จำกัดเพศ
  7. สื่อมัลติมีเดีย ยังช่วยพัฒนาองค์กรของเราให้มีความเจริญก้าวหน้าอีกด้วย

 

ก่อนอื่นต้องบอกเลยนะครับว่าการนำเสนองานโดยมัลติมีเดียต่างๆ หรือวิธีไหนก็แล้วแต่ สามารถเกิดข้อผิดพลาดได้ทั้งนั้น วันนี้จะมาบอกข้อห้ามที่ควรทำ กับวิธีแก้ไขเฉพาะหน้าตอนเกิดเหตุ

ข้อห้ามที่ 1 การอ่านแบบรวดเร็ว

การอ่านหนังสือ หรือ (อาขยาน) เป็นรูปแบบของการนำเสนอแบบโบราณ การนำเสนอลักษณะนี้ทำให้ผู้ฟังนั้นน่าเบื่อ การอ่านในที่นี้คือ การท่องจำมาจากหนังสือ ไม่เป็นธรรมชาติ ไม่มีอารมณ์ในการนำเสนอ เปรียบสะเหมือนเป็นหุ่นยนต์ ลักษณะการนำเสนอแบบนี้จะเป็นการนำเสนอของมือใหม่ ซึ่งหากพูดไปแล้วก็คงจะไม่ได้แตกต่างอะไรจากการพิมพ์เลยก็ว่าได้ วิธีการแก้ไขคือ หากเราเป็นผู้นำเสนองานมือใหม่ ให้เราฝึกพูดกระจกเพียงคนเดียว มีสมาธิในการอธิบายงาน คิดก่อนจะพูด มีการหยอกล้อกับผู้ฟังบ้างเป็นบางครั้งเพื่อให้เกิดความไม่เกร็ง

ข้อห้ามที่ 2 อย่าไว้ใจระบบมัลติมีเดียให้มาก

เราไม่ควรฝากความหวังไว้กับสิ่งที่เราคาดไม่ถึงอย่างเช่น คอมพิวเตอร์ หรือโน๊ตบุ๊ค เพราะเรามักจะเจอกับสิ่งที่พ่วงรอบๆบริเวณโต๊ะของเรา เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันอาจจะเกิดขึ้น เช่น โปรแกรมอาจจะเกิดการขัดข้อง คอมพิวเตอร์อาจจะดับในช่วงพรีเซนต์งาน หากเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอาจจะส่งผลเสียต่อหน้าที่การงานไม่มากก็น้อยแน่นอน

วิธีแก้ไข หมั่นใช้อุปกรณ์อื่นๆ เพื่อให้เกิดความเคยชิน หรืออาจจะทดแทนระบบคอมพิวเตอร์หากเกิดเหตุฉุกเฉิน ตรวจเช็คห้องที่จะนำเสนองาน 1 วันก่อนการนำเสนองานจริง และความเข้าห้องก่อนประมาณ 30 นาทีเพื่อตรวจสอบความพร้อมของระบบคอมพิวเตอร์มัลติมีเดีย

ข้อห้ามที่ 3 อย่าออกนอกเรื่องขณะนำเสนองาน

การนำเสนอผลงานผ่านมัลติมีเดียชนิดใดก็แล้วแต่ การอธิบายงานในลักษณะการสอน จำเป็นต้องมีการพูดคุยเยอะ แต่หากพูดคุยออกนอกเรื่องบ่อยๆอาจจะส่งผลเสียต่อการ พรีเซนต์ ก็เป็นได้ ไม่ใช่ว่าการพูดคุยเยอะๆแล้วจะไม่ดีนะครับ การพูดคุยอยู่ในเรื่องที่กำลังรายงานก็ถือว่าดี แต่หากพูดเยอะไปและหลงทางเข้าประเด็นไม่ได้ก็ถือว่า การรายงานในชั่วโมงนี้นั้นผิดพลาดอย่ามากเลยทีเดียว

วิธีแก้ไข หากมีการรายงานหรือช้ำพูดบ่อย เราควรจะระลึกถึงสิ่งที่กำลังรายงาน หรืออธิบาย หมั่น focus ในสิ่งที่กำลังสอนเพื่อไม่ให้เกิดการวอกแวก และควรมีหัวข้อหลักๆจนลงกระดาษทุกครั้งที่รายงาน

 

 

สำหรับการนำเสนองานนั้นสำคัญที่สุดคือ การนำเสนอให้ลูกค้าหรือผู้ฟังนั้นเข้าใจและเข้าใจเรามากที่สุด ฉะนั้นเครื่องมือที่ใช้ต้องสำคัญ เพราะเป็นตัวแปรที่จะทำให้ผู้ฟังของคุณคล้อยตามหรือไม่ วันนี้จะมาบอก3 โปรแกรมที่เหมาะสำหรับงาน Presentation ให้ดูดีกันนะครับ

โปรแกรมแรกเรียกว่า Prezzi เป็นโปรแกรมที่เพิ่มลูกเล่นให้กับการ Presen งานของคุณนั้นโดดเด่นและน่าฟัง คือโดยปกติแล้วการ Presen จะใช้เมาส์ลากไปลากมา เพื่อเป็นการชี้จุดที่สำคัญให้กับผู้ฟังนั้นเข้าใจตามเราใช่ไหมครับ แต่ Prezzi ทำได้ดีกว่านั้นก็คือ สามารถซูมเข้าและซูมออกในภาพนั้นได้เลย โดยใช้ลูกกลิ้งเมาส์บริเวณตรงกลาง เพียงเลื่อนขึ้นเลื่อนลง เพียงเท่านี้การ Presen ก็น่าดูยิ่งขึ้นครับ

โปรแกรมนี้สามารถดาวน์โหลดได้จากอินเตอร์เน็ตฟรี รับรองครับโปรแกรมชนิดนี้จะส่วนการดึงดูให้ผูฟังนั้นมีความเข้าใจในการอธิบายงานของคุณมากขึ้น

โปรแกรมต่อมาคือ Powtoon ครับ เหมาะสำหรับงาน Presentation เช่นเดียวกันครับ เจ้าตัวนี้จะแตกต่างกันกับ Prezzi มากเพราะจะนำเรื่องกราฟิกเข้ามามีส่วนการนำเสนอมากขึ้น และยังสามารถเคลื่อนไหวเพื่อทำให้งาน Presen มีความน่าดูน่าฟังมากขึ้น  อีกทั้ง Powtoon ยังมี ธีมที่ไว้สำหรับรองรับการนำเสนอในรูปแบบต่างๆ หรือภาพการ์ตูนเคลื่อนไหวตามใจเรา โปรแกรมลักษณะนี้เหมาะสำหรับการนำเสอในรูปแบบบริษัท งานอีเว้นท์ หรือตามเว็บไซต์ต่างๆครับรับรองว่าใช้ตัวนี้การนำเสนองานของคุณต้องได้รับความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นอีก

โปรแกรมมัลติมีเดียตัวสุดท้ายที่นำมาเสนอคือ PreZENT for Ipad เหมาะสำหรับใช้ร่วกับ ipad เท่านั้น

ซึ่งโปรแกรมนี้จะค่อยข้างนิยมใช้กันมากเพราะสะดวกในการพกพา สะดวกในการนำเสนองานต่างๆ และผสมผสานวีดีโอ กับภาพนิ่งให้เข้ากัน ช่วยให้งานสร้างสรรค์ออกมาดีโดยไม่มีที่ติ ขอเพียงคุณมีแค่ ipad เพียงเครื่องเดียวหมดห่วงกับเรื่องการพกพา notebook อีกต่อไปหากคุณได้พบกับโปรแกรม PreZENT for Ipad

 

 

 

Microsoft PowerPoint เป็นโปรแกรมที่มีการใช้ในสื่อการเรียนการสอนมากที่สุดในยุคปี 2007-2015 เหมาะสำหรับการรายงาน หรับการจัดสร้างงานในห้องประชุม นำเสนอข้อมูลต่างๆ และสามารถนำไปประยุกต์ได้หลายอย่าง เช่นการนำเสนอขายสินค้าตามบูท การทำภาพ slide show หรือแม้กระทั่งการออกแบบแผ่นพับกระดาษ เป็นต้น Interface หรือหน้าจอของโปรแกรมเป็นสิ่งที่ให้เห็นถึงความแตกต่างและการเปลี่ยนแปลง โปรแกรม Microsoft PowerPoint ได้อย่างชัดเจน เนื่องจากได้ทำการออกแบบพัฒนาปรับเปลี่ยนรูปโฉมใหม่ทั้งหมด สามารถเรียกใช้เครื่องมือได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม และรวดเร็วขึ้น

ความแตกต่างกันระหว่าง Microsoft PowerPoint 2003 กับ Microsoft PowerPoint 2007

เครื่องมือมีลักษณะคล้ายกับ toolbar ที่เคยเห็นกันใน Microsoft PowerPoint 2003 เป็นแหล่งรวบรวมเครื่องมือต่างๆ เพื่อให้เกิดความสะดวกในการทำงานมากขึ้น โดยเปลี่ยนการแสดงของเครื่องมือเพื่อให้ใช้งานง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อน

วิธีการสร้างสไลด์ของโปรแกรม Microsoft PowerPoint

การสร้างรายการสไลด์ ผู้ที่ใช้ต้องมีความชำนาญในเรื่องของโปรแกรม และควรมีกฎข้อบังคับดังนี้

  • ควรจะมีหัวเรื่องหรือ title ในหน้าสไลด์นั้นๆทุก title
  • Title ควรใช้ตัวอักษรที่เป็นขนาดใหญ่ หรือ H1 มาก่อน
  • เน้นเนื้อหาสั้น และเข้าใจง่ายต่อการอ่าน
  • เนื้อหาควรมีความยาวไม่เกิน 8 บรรทัด
  • ไม่ควรมี background เพราะจะทำให้เนื้อหาของเรามองเห็นไม่ชัดเจน
  • รูปสไลด์ควรจะมีขนาดที่เท่ากัน ความกว้าง และความยาวของทุกๆภาพ

การนำเสนองาน หรือเสนอประชุมด้วยโปรแกรม Microsoft PowerPoint 2007 จะลดเรื่องเวลา ลดความผิดพลาด และไม่จำเป็นจะต้องมีการออกแบบใหม่ทุกครั้ง เนื่องจาก Microsoft PowerPoint สามารถดาวโหลดต้นฉบับเก็บไว้ และมีให้ดาวโหลด Template1 อีกด้วย ปัจจุบันการสอนของมหาลัยต่างๆยังคงใช้โปรแกรมมัลติมีเดียชนิดนี้เนื่องจากเข้าใจง่าย และสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้หลายๆส่วน

วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องสื่อมัลติมีเดียที่ใช้ในการเรียนการสอนคืออะไร ก่อนอื่นต้องทำความรู้ความเข้าใจก่อนนะครับว่ามัลติมีเดียนั้นมีบทบาทอย่างไรบ้าง

ปัจจุบันนี้เรื่องเทคโนโลยีได้เข้ามาใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกวันๆ และเราก็คงจะหนีไม่พ้นเทคโนโลยีไปอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ต้องพึ่งสิ่งเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นสื่อมัลติมีเดียนั้นสำคัญมากในขณะนี้ เช่น เรื่องการดำเนินธุรกิจ เรื่องติดต่อสื่อสารต่างๆ หรือแม้กระทั้งใช้ในการนำเสนองาน เป็นต้น

ส่วนในเรื่องนำมาใช้การเรียนการสอนนั้น มีอยู่มากมายหลายสื่อ ไม่ว่าจะเป็นสื่อมัลติมีเดีย สื่อสังคมออนไลน์ สื่ออินเตอร์เน็ตต่างๆที่มีไว้ให้ค้นหาความรู้ หรือนำมาปฏิบัติเพื่อนำความรู้เข้ามาใช้ให้เป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นสื่อของวีดีทัศน์ คอมพิวเตอร์ หรืออาจจะรวมไปถึงอุปกรณ์การเชื่อมต่อทางอินเตอร์เน็ตก็ว่าได้ ทุกสิ่งอย่างล้วนแต่เป็นสื่อมัลติมีเดียทั้งนั้น และวันนี้เราจะมาอธิบายถึงเรื่องของสื่อมัลติมีเดียกันนะครับว่ามันหมายความว่าอย่างไรและควรใช้ประโยชน์อะไรจากสื่อนี้

สื่อมัลติมีเดีย ซึ่งมีความหมายได้หลายความเข้าใจ หากใช้คำว่า Multimedia ในตามหนังสือหมายความว่า สื่อที่มีความหลากหลายชนิดมารวมกัน ซึ่งหมายถึง การนำเสนอโดยใช้สื่อมารวมกันและอธิบายถึงหลักการเดียวกันให้เข้าใจ โดยนำผลลัพธ์ที่ออกมาจากเทคนิคต่างๆเพื่อนำมาเสนอ ความหมายของคำว่า Multimedia ก็ยังคงไม่ตายตัวเสมอไป ยังมีอีกหลายความหมายที่สามารถใช้คำๆนี้ เช่นระบบคอมพิวเตอร์ ที่สามารถแสดงหน้าจอแบบมัลติมีเดีย รวมไปถึงระบบ ทีวีและโทรทัศน์ที่นำเสนอสื่อต่างๆให้เรานำมาเรียนรู้ หรือสอนในสิ่งที่เกิดประโยชน์

วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องสื่อมัลติมีเดียที่ใช้ในการเรียนการสอนคืออะไร ก่อนอื่นต้องทำความรู้ความเข้าใจก่อนนะครับว่ามัลติมีเดียนั้นมีบทบาทอย่างไรบ้าง

ปัจจุบันนี้เรื่องเทคโนโลยีได้เข้ามาใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกวันๆ และเราก็คงจะหนีไม่พ้นเทคโนโลยีไปอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ต้องพึ่งสิ่งเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นสื่อมัลติมีเดียนั้นสำคัญมากในขณะนี้ เช่น เรื่องการดำเนินธุรกิจ เรื่องติดต่อสื่อสารต่างๆ หรือแม้กระทั้งใช้ในการนำเสนองาน เป็นต้น

ส่วนในเรื่องนำมาใช้การเรียนการสอนนั้น มีอยู่มากมายหลายสื่อ ไม่ว่าจะเป็นสื่อมัลติมีเดีย สื่อสังคมออนไลน์ สื่ออินเตอร์เน็ตต่างๆที่มีไว้ให้ค้นหาความรู้ หรือนำมาปฏิบัติเพื่อนำความรู้เข้ามาใช้ให้เป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นสื่อของวีดีทัศน์ คอมพิวเตอร์ หรืออาจจะรวมไปถึงอุปกรณ์การเชื่อมต่อทางอินเตอร์เน็ตก็ว่าได้ ทุกสิ่งอย่างล้วนแต่เป็นสื่อมัลติมีเดียทั้งนั้น และวันนี้เราจะมาอธิบายถึงเรื่องของสื่อมัลติมีเดียกันนะครับว่ามันหมายความว่าอย่างไรและควรใช้ประโยชน์อะไรจากสื่อนี้

สื่อมัลติมีเดีย ซึ่งมีความหมายได้หลายความเข้าใจ หากใช้คำว่า Multimedia ในตามหนังสือหมายความว่า สื่อที่มีความหลากหลายชนิดมารวมกัน ซึ่งหมายถึง การนำเสนอโดยใช้สื่อมารวมกันและอธิบายถึงหลักการเดียวกันให้เข้าใจ โดยนำผลลัพธ์ที่ออกมาจากเทคนิคต่างๆเพื่อนำมาเสนอ ความหมายของคำว่า Multimedia ก็ยังคงไม่ตายตัวเสมอไป ยังมีอีกหลายความหมายที่สามารถใช้คำๆนี้ เช่นระบบคอมพิวเตอร์ ที่สามารถแสดงหน้าจอแบบมัลติมีเดีย รวมไปถึงระบบ ทีวีและโทรทัศน์ที่นำเสนอสื่อต่างๆให้เรานำมาเรียนรู้ หรือสอนในสิ่งที่เกิดประโยชน์